Wednesday, 17 September 2014

หนูติดจั่น

ช่วงชีวิตของมองมนุษย์ แบ่งง่ายๆออกเป็น ทีละ 10 ปี

ตามที่ได้รับการ forward ข้อความต่อๆกันมา 

 สิบปีแรก..หมดไปกับความไร้เดียงสา
๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน
๐ สิบปีต่อมา.หมดไปกับการทำงานและการใช้ชีวิต
๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับการสร้างฐานะ สร้างครอบครัว
๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับการลงหลักปักฐาน รักษาสิ่งที่สร้างมา
๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับการดูแลรักษาสุขภาพกาย-ใจให้แข็งแรง
๐ สิบปีสุดท้าย..หมดไปกับการปล่อยวางทุกสิ่ง รอคอยการกลับบ้าน

ซึ่งพอค้นไปค้นมา ไปเจอ การแบ่งชีวิต ทุก 10 ปี ตามพระพุทธศาสนา เรียกว่า ทสกะ 10 

                   มันททสกะ           ๑๐  ปีแห่งเด็กอ่อน(1-10)
                   ขิฑฑาทสกะ         ๑๐  ปีแห่งการเล่น(11-20)
                   วัณณทสกะ           ๑๐  ปีแห่งผิวพรรณ(21-30)
                   พลทสกะ               ๑๐   ปีแห่งกำลัง(31-40)
                   ปัญญาทสกะ          ๑๐  ปีแห่งปัญญา(41-50)
                   หานิทสกะ              ๑๐  ปีแห่งความเสื่อม(51-60)
                   ปัพภารทสกะ         ๑๐  ปีแห่งความค้อม(61-70)
                   วังกทสกะ               ๑๐  ปีแห่งความค่อม(71-80)
                   โมมูหทสกะ            ๑๐  ปีแห่งความหลงลืม(81-90)
                   สยนทสกะ              ๑๐  ปีแห่งความนอน(91-100)
@ http://www.dhammahome.com/webboard/topic/19602

ซึ่งอันหลังดูจะเข้าใจง่ายกว่า ในความคิดของเรา 
เราเห็นตัวอย่างของคนทุกช่วงชีวิต แม้กระทั่งคนอายุ 93 ที่เราได้ใกล้ชิด ก็คือคุณตาของเราเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นเราว่าก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคนด้วยว่าดูแลตัวเองดีแค่ไหน ถึงจะเรียกได้ว่าตัวเองโตสมวัย

ถ้านับตามช่วงชีวิต เรากำลังอยู่ในช่วงปีแห่งกำลัง ซึ่งจะว่าไปการเป็นข้าราชการของเรานั้น ยังไม่ค่อยได้ใช้กำลังสักเท่าไหร่ ทำงาน 0830 - 1630 ทำงานตาม routine ในทุกๆวัน แค่ทำให้ได้ดีที่สุด ก็ไม่ได้ยากอะไร ข้อเสียของการทำงานราชการคือเราไม่สามารถเดินไปบอกเจ้านายได้ว่า อยากทำงานนี้ อยากทำหน้าที่นี้ หรือ คิดโปรเจคงานใหม่ๆขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างทุกงานเป็นการรับคำสั่ง และทำตามหน้าที่เท่านั้น พูดได้คำเดียวว่า มันไม่ได้ท้าทาย ไม่ได้ใช้สมอง ใช้ความรู้ ความสามารถให้สมกับที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนมา ตอนนี้ก็เลยเกิดอาการอยากจะมีอาชีพเสริมจนตัวสั่น วิ่งวน วิ่งวุ่น จนถึงขั้นมองตัวเองว่าเป็น"หนูติดจั่น" นี่แหละมั้งเป็น trend ของวัยทำงานยุคใหม่ ยุคตามใจฉัน ใครกล้าพอก็ลาออกมา มาทำตามความฝัน ใครไม่กล้า หรือมีความจำเป็นที่ต้องทำงานประจำ ก็ต้องทนอยู่ต่อไปให้สมองฝ่อไปเอง

ความอยากของคนไม่มีที่สิ้นสุด อยากทำโน่น ทำนี่ เยอะแยะเต็มไปหมด แต่ไม่ยอมมองตัวเองว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะทำรึป่าว อยากเปิดร้านอาหาร ทั้งๆที่ตัวเองมีงานประจำทำ จันทร์ - ศุกร์ และถึงเปิดได้ แต่ไม่ได้ไปควบคุมเอง ลูกน้องที่ไหนมันจะใส่ใจทำ ทั้งๆที่ไม่ใช่ของๆตัวเอง ตามสถิติการเปิดร้านอาหารแล้วเจ้าของไม่ได้ดูแลเองตั้งแต่เปิด ยัน ปิด มักจะเจ๊ง อยากขายของออนไลน์ ก็ไม่รู้จะขายอะไร ต้องซื้อของมา stock โน่นนี่แล้วมันใช่มั้ยเนี่ยะ อ่อที่สำคัญ ใครจะซื้อ??

ความบ้าของตัวเองที่วิ่งตามไอเดีย วิ่งตามอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมา 1 ปีเต็ม ทำให้ ผมหงอกมากขึ้น ไหล่ติด มือเท้าชา นิ้วล็อค น้ำหนักขึ้น สายตาสั้น ตีนกาขึ้น และอีกหลากหลายอาการที่ยังนึกไม่ออก 

บ้าระห่ำใช้กำลังจนลืมนึกถึงช่วงชีวิต ในอีก 10 ปีข้างหน้า และ 10 ปีต่อๆไปของตัวเอง บางที แค่อยู่นิ่งๆ เลิกอยาก พอใจในสิ่งที่มีอยู่ในทุกๆวันก็น่าจะเพียงพอแล้ว ต้องคอยบอกตัวเองว่าให้เลิกปล่อยพลัง